เทคโนโลยีแช่แข็งไข่ IVF มีโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จแค่ไหนมาดูกัน

IVF
เทคโนโลยีแช่แข็งไข่ IVF

จากผลสำรวจปัจจุบัน หญิงสาวสมัยนี้ไม่อยากมีครอบครัวหรือบุตรเนื่องด้วยหลายปัจจัย แต่ใครเล่าจะรู้อนาคต ในวันข้างหน้าคุณผู้หญิงทั้งหลายอาจจะอยากมีบุตรก็ได้ แต่ผู้หญิงพออายุมากขึ้นความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ก็เพิ่มขึ้นตามมา มีโอกาสแท้งและโอกาสตั้งครรภ์ที่โครโมโซมผิดปกติจะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นจึงได้มีนวัตรกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า “เทคโนโลยีแช่แข็งไข่” ขึ้นมา เพื่อช่วยหยุดอายุไข่ไว้เพิ่มโอกาสของการตั้งครรภ์ในอนาคต

เทคโนโลยีแช่แข็งไข่คืออะไร? วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน เทคโนโลยีแช่แข็งไข่คือการเก็บรักษาไข่ของมนุษย์ที่ต้องการมีบุตรในอนาคต ไว้ในไนโตรเจนเหลวที่มีอุณหภูมิ -195 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมือนเป็นการหยุดการทำงานเซลล์ทุกเซล์ไว้ เพื่อคงสภาพเดิมไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงตามอายุขัยของมนุษย์

โดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะเก็บไข่โดยการกระตุ้นรังไข่ด้วยการฉีดยากระตุ้นทุกวัน ในช่วงระยะเวลาประมาณ 10 วัน จะมีการทำอัลตร้าซาวด์รวมถึงตรวจฮอร์โมนเป็นระยะๆ เพื่อติดตามผลการเจริญเติบโตของไข่ เมื่อไข่มีขนาดตามที่ต้องการจะฉีดยาที่เรียกว่า HCG เข้าไปเพื่อทำให้ไข่สุก จากนั้น 36 ชั่วโมง  แพทย์จะทำการเจาะและดูดไข่ออกมาทางช่องคลอดเพื่อเลือกไช่ที่สมบูรณ์ที่สุดและแช่แข็งไข่เหล่านั้นไว้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องการมีบุตรก็จะนำไข่เหล่านั้นมาละลายและผสมกับอสุจิ พอได้ตัวอ่อนแล้วแพทย์จะฝังไข่กลับเข้าไปในโพรงมดลูกทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ตามปกติ

อัตราความสำเร็จของ “เทคโนโลยีแช่แข็งไข่”

ที่ผ่านมามีการทดลองและสำรวจอัตราความสำเร็จของเทคโนโลยีนี้อยู่มากมาย แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดนัก เนื่องจากนักวิจัยหลายท่านมีการวัดความสำเร็จโดยพิจารณาจากขั้นตอนการเจริญพันธุ์ที่แตกต่างกัน ทำให้ข้อสรุปความสำเร็จในการเจริญพันธุ์ต่างกัน ลอร์ดวินสตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ แห่งอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน กล่าวว่า “เทคโนโลยีแช่แข็งไข่เป็นเทคโนโลยีที่ล้มเหลว” จากผลการทดลองของลอร์ดวินสตันจำนวนไข่ที่เก็บรักษาด้วยวิธีแช่แข็งนำไปสู่การตั้งครรภ์ การเกิดและมีชีวิตรอดของทารกนั้นมีสัดส่วนเพียง 1% จากไข่แช่แข็งทั้งหมดที่ถูกนำไปละลายเพื่อใช้ในการผสมเทียม

ในอีกมุมหนึ่งสำนักงานการเจริญพันธุ์มนุษย์และตัวอ่อน กล่าวว่า “ผู้ที่ทำ IVF โดยใช้ไข่แช่แข็งของตัวเอง มีอัตราความเป็นไปได้ที่จะตั้งครรภ์ได้ด้วยวิธีนี้มีมากกว่า 19%” สำหรับโอกาสที่ผู้หญิงแต่ละคนจะตั้งครรภ์ได้นั้นขึ้นอยู่กับอายุของผู้หญิง และสุขภาพร่างกายในขณะนั้นต้องมีความแข็งแรงสมบูรณ์พร้อมตอนที่นำไข่ไปเก็บรักษาด้วยวิธีแช่แข็ง ในกรณีนี้หากอายุยังไม่ถึง 35 ปี ก็จะมีอัตราความสำเร็จมากกว่าผู้หญิงที่มาอายุเยอะ

กล่าวคือเทคโนโลยีแช่แข็งนี้มีอัตราความสำเร็จอยู่ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำสำเร็จได้เนื่องด้วยความพร้อมทั้งด้านสุขภาพของคุณผู้หญิงและอายุ หากมีอายุที่มากเกินไปก็จะมีอัตราความสำเร็จต่ำกว่า ในกรณีหากผู้ที่ใช้เทคโนโลยีแช่แข็งไข่นี้ร่างกายไม่แข็งแรง มีโรคร้ายหรือปัจจัยที่บีบบังคับให้ต้องทำการแช่แข็งไข่นั้น อัตราความสำเร็จก็จะต่ำเช่นเดียวกัน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าใครควรทำการแช่แข็งไข่ วันนี้เราหาคำตอบมาให้คุณแล้ว

1.ผู้หญิงที่คิดว่าไม่อยากมีลูกในตอนนี้เพราะปัจจัยหลายอย่าง แต่อยากมีเมื่อพร้อมควรทำก่อนอายุ 35 ปี

2.คนที่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดรังไข่ เนื่องจากมีซีสต์หรือเนื้องอก เช่น Chocolate cyst และผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับยาเคมีบำบัดหรือฉายแสงที่มีผลทำให้การทำงานของรังไข่ลดลง

3.ผู้หญิงกลุ่มเสี่ยง เช่น ทำงานกับสารเคมี

4.ผู้ที่มีประจำเดือนหมดเร็วกว่าปกติ เนื่องจากความผิดปกติของโครโมโซม