ล้ำไปอีกขั้น Neuralink ยักษ์ใหญ่จากอเมริกา เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีเชื่อมสมองกับคอมพิวเตอร์

สมองกล
เทคโนโลยีเชื่อมสมอง

“คอมพิวเตอร์”  คือสิ่งที่เราคุ้นเคยกันมาโดยตลอดตั้งแต่วัยเรียนจนถึงวัยทำงาน หรือแม้กระทั่งกลุ่มผู้สูงอายุในปัจจุบันก็ยังรู้จักและใช้งานเป็น เนื่องจากเจ้าเครื่องนี้สามารถคำนวณ ประมวลผลและเก็บข้อมูลในหน่วยความจำของอุปกรณ์ตามคำสั่งของผู้ใช้งาน เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ผลลัพธ์ที่ได้อาจเป็นทั้ง  ข้อความ ตัวเลข รูปภาพ หรือเสียง จากการค้นคว้าความหมายของ “คอมพิวเตอร์” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 คือ “เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์”

ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์

            แรกเริ่มคอมพิวเตอร์เป็นผลมาจากจากการคิดค้นเครื่องมือในการคำนวณ ซึ่งมีต้นแบบจาก “ลูกคิด” ของประเทศจีน ที่มีมาตั้งแต่ 2,000-3,000 ปีที่แล้ว จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2376 นักคณิตศาสต์ชาวอังกฤษ ชื่อ ชาร์ล แบบเบจ ได้ประดิษฐ์เครื่องวิเคราะห์ที่สามารถคำนวณค่าของตรีโกณมิติ ฟังก์ชั่นต่างๆ ทางคณิตศาสตร์ ซึ่งการทำงานของเครื่องนี้แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนเก็บข้อมูล ส่วนคำนวณ และส่วนควบคุม โดยใช้ระบบพลังเครื่องยนต์ไอน้ำหมุนฟันเฟือง ที่มีข้อมูลอยู่ในบัตรเจาะรู คำนวณได้โดยอัตโนมัติ พร้อมเก็บข้อมูลในหน่วยความจำ ก่อนที่จะพิมพ์ออกมาทางกระดาษ หลักการนี้จึงได้นำไปสู่การพัฒนาเป็น “คอมพิวเตอร์”

ต่อมาได้มีการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์โดยไม่ใช้แนวคิดจากการคำนวณเหมือนแบบเดิม เรียกว่า ENIAC (Electronic Numerical Integrator and Calculator) โดยเมาช์ลีและเอ็กเคอร์ต ซึ่งได้ทำการปรับปรุงและพัฒนาการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพขึ้นและเริ่มใช้งานในด้านธุรกิจ

สมองคนกับคอมพิวเตอร์

            ทุกท่านอาจจะสงสัยว่าสมองคนเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร เคยเห็นแต่ในหนังไซไฟ มีจริงด้วยหรือ ? เพราะที่ผ่านมายังไม่มีใครสามารถคิดค้นหรือประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ที่สามารถเชื่อมสมองของมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์ได้เลย แต่ ณ ปัจจุบันนี้ได้มีบริษัท “Neuralink” ของ Elon Musk ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.2016 ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีจุดประสงค์คือพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมสมองมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยรักษาโรคและยกระดับการทำงานของสมองมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพเท่าเทียมหรือดีกว่าเทคโนโลยีระบบปัญญาประดิษฐ์ จึงเป็นการพลิกโฉมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกก็ว่าได้

Brain-machine interfaces (BMIs) หรือ เทคโนโลยีการเชื่อมต่อสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์ คือการเชื่อมต่อสมองโดยใช้สายสื่อสารที่เรียกว่าเทรส (Threads) มีลักษณะบางและยืดหยุ่นสูงขนาดเล็กประมาณ 4-6 ไมโครเมตรซึ่งเล็กกว่าขนาดของเส้นผมมนุษย์หลายเท่า เพื่อทำการเชื่อมต่อสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่านทางพอร์ทเชื่อมต่อ USB-C และส่งข้อมูลไปยังชิปคอมพิวเตอร์ประมวลผลที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาด้วยตัวเอง

ในอนาคตทางบริษัท “Neuralink”จะพัฒนาเทคโนโลยีการเชื่อต่อแบบไร้สายโดยไม่ต้องผ่าตัดสายเทรสเข้าสู่สมองโดยตรง ซึ่งปัจจุบันได้มีการทดลองกับ “ลิง” โดยประสบความสำเร็จ แต่สำหรับการทดลองกับมนุษย์ยังคงรอรับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาElon Musk ยังกล่าวอีกด้วยว่า “ด้วยเครื่องมือที่สามารถเชื่อมต่อสมอง เราสามารถก้าวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีตัวเลือกในการประสานกับAI กลายเป็นการสร้างความฉลาดขั้นสุดยอดของมนุษย์”

ประโยชน์ของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์

            จากข้างต้นที่ได้กล่าวไว้ว่าเทคโนโลยีการเชื่อมต่อสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยรักษาโรคและยกระดับการทำงานของสมองมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพเท่าเทียมหรือดีกว่าเทคโนโลยีระบบปัญญาประดิษฐ์ เนื่องด้วยปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโรคประสาท เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง  หรือแม้กระทั่งความเครียดและการนอนไม่เพียงพอ

ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อระบบประสาท หากเกิดความผิดปกติของเส้นประสาทบริเวณใดบริเวณหนึ่งถูกทำลาย กล้ามเนื้อบริเวณนั้น มีอาการชา กระตุก ขยับไม่ได้ ไร้ความรู้สึก จนไม่สามารถควบควมร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งได้ “เทคโนโลยีเชื่อมต่อสมองมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์” จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการทางสมอง หรือผู้พิการทางร่างกาย ให้พวกเขาเหล่านี้ได้ใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น