นักวิทย์พบน้ำทะเลขั้วโลกอุ่นขึ้นเฉลี่ย 5 องศา หมีขาวกินมอสแทนแมวน้ำ

โลกร้อน
หมีขาวกินมอสแทนแมวน้ำ

ถ้าพูดถึงการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตทุกประเภททั่วโลกแล้ว แน่นอนว่าหนึ่งในทักษะเหล่านั้น ก็คือ การปรับตัว เพื่อให้ตนเองอยู่รอดในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป คุณผู้อ่านคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในปัจจุบันนี้ภาวะเรือนกระจก ภาวะโลกร้อน ภาวการณ์เปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เลวร้ายลง ทำให้อุณหภูมิบรรยากาศของโลกนั้น เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของพืชและสัตว์ต่าง ๆ ทั่วโลก สำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ยกเว้นแม้แต่การเกิดขึ้น ในพื้นที่บริเวณขั้วโลกเหนือซึ่งหลังจากที่นักวิจัยชาวไทย ได้ออกไปสำรวจ จึงพบเรื่องที่น่าตื่นตะลึงมาก ๆ เจ้าหมีขาวซึ่งเป็นสัตว์กินเนื้อ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนขั้วโลกเหนือนั้น กลับกินหญ้าแทนแมวน้ำอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

ออกเดินทางสำรวจ

การเดินทางไปสำรวจขั้วโลกเหนือในครั้งนี้ ฤกษ์ออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 จนกระทั่งถึงวันที่ 12 สิงหาคม โดยมีจุดประสงค์ในการศึกษาผลกระทบของสภาวะโลกร้อน รวมทั้งปัญหาจากไมโครพลาสติก ซึ่งส่งผลต่อสัตว์ทะเลทั้งน้อยใหญ่ทั้งหลาย และมีจุดประสงค์ในการเก็บข้อมูลสภาพน้ำ จากน้ำตะกอน รวมทั้งข้อมูลในด้านอื่น ๆ เพื่อนำมาศึกษาวิจัยต่อไปในอนาคต พร้อมทั้งทำเป็นข้อมูลในเชิงเปรียบเทียบว่า ขั้วโลกเหนือกับทะเลในประเทศไทยนั้น มีความเปลี่ยนแปลงเช่นใดบ้าง เพื่อที่จะหาทางแก้ไขป้องกันปัญหาต่าง ๆ ต่อไปในอนาคต หลังจากที่นักวิจัยรวมทั้งนักปฏิบัติการดำน้ำสำรวจได้ลงไปสืบค้นข้อมูลใต้ทะเล จึงพบว่าอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าปกติถึง 5 องศาเซลเซียส ส่งผลทำให้น้ำทะเลที่มีความเย็นนั้นอุ่นขึ้น และจากปัจจัยนี้เอง จึงส่งผลอีกประการหนึ่ง คือ ทำให้สาหร่ายสามารถเจริญเติบโตได้ดี อีกทั้งยังพบแมงกะพรุน และหวีวุ้น เพิ่มจำนวนประชากรมากขึ้นกว่าในอดีต

สัตว์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

โลกร้อน
นักวิทย์พบน้ำทะเลขั้วโลกอุ่นขึ้นเฉลี่ย 5 องศา

ด้วยเหตุนี้เอง เพื่อความอยู่รอดของเหล่าสรรพสัตว์ จึงทำให้สิ่งมีชีวิต ที่อาศัยอยู่ในบริเวณขั้วโลกเหนือนี้ จึงจำเป็นต้องมีการปรับตัว พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเลือกรับประทานอาหาร เนื่องจากว่าไม่อาจหาอาหารอย่างเดิมมาหล่อเลี้ยงชีวิตได้อีกต่อไปแล้ว ซึ่งประจวบเหมาะกับตอนที่คณะวิจัยจากประเทศไทย ได้พบเห็นแม่หมีขาวพร้อมกับลูก ๆ กำลังออกหาอาหาร ยืนกินหญ้ามอส อย่างไม่น่าเชื่อสายตา เพราะปกติแล้วหมีขาวเป็นสัตว์กินเนื้อและมักจะกินแมวน้ำเป็นอาหารแต่ด้วยความที่แมวน้ำไม่อาจสามารถอยู่รอดได้ จึงทำให้อาหารของเจ้าหมีขาวลดลง เจ้าหมีจึงต้องมีการปรับตัวกินพืชเป็นอาหารแทนเนื้อสัตว์

ต่อมาคณะสำรวจได้พบกับซากหมีขาวในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง จึงนำมาผ่าพิสูจน์ จึงพบว่าในร่างของหมีนั้น มีปริมาณของซากพืชในกระเพาะมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันด้วยความที่อาหารนั้นไม่สอดคล้องกับความเป็นธรรมชาติของสัตว์กินเนื้อ จึงทำให้หมีขาวนั้นไม่มีแรง และร่างกายก็อ่อนแอ จึงทำให้ไม่อาจทนต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ

เมื่อโลกดำเนินมาถึงในจุดนี้ เราทุกคนควรจะตระหนักกันได้แล้วว่า โลกไม่ใช่เป็นเพียงแค่พื้นที่อยู่อาศัยของมนุษย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นหากแต่เป็นพื้นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทุกชนิด เราทุกคนควรจะหันมาใส่ใจในเรื่องของธรรมชาติให้มากขึ้นโดยอาจจะเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ ใกล้ตัว ซึ่งถ้าทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันทำ ก็จะก่อให้เกิดเป็นเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ และทำให้ธรรมชาตินั้นอยู่รอดต่อไปได้ เช่น การลดละเลิกใช้พลาสติก หรือใช้ให้น้อยที่สุด การนำถุงพลาสติกมา Reuse ใช้ซ้ำ การประหยัดไฟ ประหยัดน้ำต่าง ๆ ซึ่งคุณอาจจะมองว่าเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย ทำแล้วโลกจะเปลี่ยนแปลงได้จริง ๆ หรือ ซึ่งเราขอบอกเลยค่ะว่า ทุกความยิ่งใหญ่นั้น ล้วนเกิดขึ้นมาจากสิ่งเล็ก ๆ เสมอและการดูแลธรรมชาติของเราเองก็เช่นเดียวกัน